วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

โคลงกลบท ผลงานครูมนตรี ตราโมท

...............................................
กลบทนั้นเป็นเครื่องแสดงสติปัญญาของกวี
ในการที่จะคิดค้น พลิกแพลงกวีนิพนธ์ แบบฉบับ
ให้มีลักษณะเด่น เป็นพิเศษขึ้น
โดยการเพิ่มลักษณะบังคับต่างๆ
และเป็นเครื่องลับสมอง ลองปัญญา
ในหมู่กวีด้วยกัน และคนทั่วไป
ในการที่จะพยายามถอดรูป ที่ซ่อนไว้ให้สำเร็จ
ผลพลอยได้ก็คือ ความไพเราะ ของกวีนิพนธ์
................................................................
กลบท เป็นการประดิษฐ์ การคิดคำประพันธ์
ให้มีลักษณะ ต่างไปจากเดิม
โดยลักษณะบังคับเดิมของคำประพันธ์นั้น ยังคงใช้อยู่ครบถ้วน
แต่แต่งเพิ่มเติมขึ้นให้ต้องตามลักษณะของกล
คำประพันธ์ที่แต่งเป็น กลได้ มีทั้ง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
ซึ่งสามารถแต่งได้เป็น ๒ แบบ
คือ แบบกลอักษร และแบบกลแบบ
..........................................................
กลบทแบบซ่อนรูป หรือเรียกอีกอย่างว่ากลแบบ
เป็นการนำเอาคำประพันธ์ชนิดใดชนิดหนึ่ง
มาวางรูปเสียใหม่ให้ผิดไปจากเดิม เพื่อให้ผู้อ่านถอด
ผู้อ่านจะต้องทราบฉันทลักษณ์ ชนิดนั้นๆ
จึงจะสามารถถอดคำอ่านได้
การซ่อนรูปคำประพันธ์มี ๒ ลักษณะคือ
การเรียงคำเป็นรูปต่างๆ และการเปลี่ยนรูปคำประพันธ์ให้ผิดไปจากเดิม
.........................
.....................
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.geocities.com/bot kawee/kolbot.htm
....................
..........................

โคลงกลบทช้างประสานงา


"คนึงรัก"






โคลงกลบทช้างประสานงา สามารถถอดเรียงเป็น โคลง ๔ สุภาพได้ ดังว่า...


.....ยลนุชวิสุทธิ์ล้ำ................เลิศภักตร์
ยลนุชบริสุทธิ์ลักษณ์................เลิศล้วน
ยลนาฏบริบูรณ์ศักดิ์.................ศริเกียรติ
ยลนาฏไพบูรณ์ถ้วน................ศริแท้ ทียล


บทที่เหลือ ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านให้ทดลองถอดเรียงดูนะคะ...

...............

...................

โคลงกลบทพรหมพักตร์

"กวีพิสดาร"






โคลงกลบทพรหมพักตร์ สามารถถอดเรียงเป็น โคลง ๔ สุภาพได้ ดังว่า...

.....เรียมกสัณฐ์ปั่นจิตต์เศร้า.........จิตต์กสัณฐ์
เรียมใฝ่รักใฝ่ฝัน......................ใฝ่เจ้า
เรียมโศกสลักทรวงศัลย์..............สลักโศก
เรียมเสน่ห์ฤทธิ์เสน่ห์เร้า........เสน่ห์ล้นสลักเรียม

เชิญท่านผู้อ่าน ทดลองถอดเรียงในบทที่เหลือนะคะ ...

................

................

โคลงกลบทฉบัง
“แสงตะวัน”


.....ยามอรุณสูรย์โรจน์รุ้งเรือง........แสงเบิกส่องเบื้อง
บูรพ์แรงจรัสจ้าคราฉาย
.....เฉิดดวงแดงเด่นเพริศพราย........
แลจับจิตหมาย
พิศฟ้าฟากเรื้องแรงสุรีย์
ยามเที่ยงแดดเปรี้ยงส่องสี..............
ฉานฉายรัสมี
มาดาลระอุด้าวชาวชน
.....บ่นรำคาญคิดขุ่นกมล..............
แลใคร่หลบพ้น
แสงอ้าวอบร้อนแรงตะวัน
.....ยามเย็นเห็นแดดแผ้วพรรณ.......
รายแสงอ่อนบรร
เจิดพรายเพริศแพร้วพราวตา
.....ยิ่งพาหมายมุ่งทัศนา..............
แลห่อนอยากคลา
เคลื่อนแคล้วคลาดเบื้องมเลืองสูรย์

จาก กาพย์ฉบัง สามารถจัดเรียงแบ่งวรรคใหม่ เป็น โคลง ๔ สุภาพ ได้ดังว่า

.....ยามอรุณสูรย์โรจน์รุ้ง................เรืองแสง
เบิกส่องเบื้องบูรพ์แรง.....................จรัสจ้า
คราฉายเฉิดดวงแดง....................เด่นเพริศ พรายแล
จับจิตหมายพิศฟ้า......................ฟากเรื้องแรงสุรีย์
.....ยามเที่ยงแดดเปรี้ยงส่อง............. สีฉาน
ฉายรัสมีมาดาล..........................ระอุด้าว
ชาวชนบ่นรำคาญ........................คิดขุ่น กมลแล
ใคร่หลบพ้นแสงอ้าว....................อบร้อนแรงตะวัน
.....ยามเย็นเห็นแดดแผ้ว................พรรณราย
แสงอ่อนบรรเจิดพราย....................เพริศแพร้ว
พราวตายิ่งพาหมาย......................มุ่งทัศ นาแล
ห่อนอยากคลาเคลื่อนแคล้ว..............คลาดเบื้องมเลืองสูรย์

.....................

........................

โคลงกลบทสาลินี
“หยาดฝน”


.....ฝนพรำฉ่ำชุ่มพื้น...............สุธาชื่นหทัยชน
ผาสุกเรื้องรุกขผล....................และดอกดาระดาษคลี่
.....โลกปลดกำเดาเปลื้อง...........อุบัติแปล้ประดาปรีดิ์
ชาวนาสวนซิกซี้.....................สราญยิ่งขยันทำ
.....งานเร่งจ้ำให้ทัน.................ฤดูกาลวรุณฉ่ำ
ชนที่ชอบเที่ยวช้ำ....................มนัสแค้นพิรุณโปรย

จาก สาลินีฉันท์ ๑๑ สามารถจัดเรียงวรรคใหม่ ให้เป็น โคลง ๔ สุภาพ ได้ ดังว่า

.....ฝนพรำฉ่ำชุ่มพื้น.................สุธา
ชื่นหทัยชนผา-......................สุกเรื้อง
รุกขผลและดอกดา-.................ระดาษคลี่
โลกปลดกำเดาเปลื้อง................อุบัติแปล้ประดาปรีดิ์
.....ชาวนาสวนซิกซี้................สราญ
ยิ่งขยันทำงาน.......................เร่งจ้ำ
ให้ทันฤดูกาล........................วรุณฉ่ำ
ชนที่ชอบเที่ยว....................ช้ำมนัสแค้นพิรุณโปรย

.....................



......................

ที่มา : ม.ต.ปกิณกนิพนธ์ โดย มนตรี ตราโมท